กรุงเทพฯ – 17 ตุลาคม 2561 – การท่องเที่ยวอาหารมาแรงแซงโค้ง.. Booking.com บริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำด้านการจองที่พักระดับโลกที่มีที่พักให้เลือกหลากหลาย ได้ทำการสำรวจการท่องเที่ยวอาหารและพบว่ามากกว่า 6 ใน 10 ของนักท่องเที่ยว (61%) เลือกสถานที่เดินทางจากแหล่งอาหารและ เครื่องดื่มรสเลิศ* และแน่นอนไม่มีวี่แววจะลดลงเลย โดยพบว่ามากกว่า 1 ใน 3 (34%) ของนักท่องเที่ยวชื่นชอบการท่องเที่ยวอาหาร (Culinary Travel) โดยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมิลเลนเนียลถึง 40% ที่วางแผนจะเดินทางท่องเที่ยวอาหารจริงจัง* นอกจากนี้เกือบครึ่ง (49%) ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมุ่งหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีเมนูอาหารแปลกใหม่และน่าสนใจ โดย 60% ยังเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมิลเลนเนียลอีกด้วย*
ช่วงนี้หมดเทศกาลกินเจแล้วก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะวันนี้ Booking.com มี 5 ที่พักมาแนะนำให้คนรักสุขภาพกินผักกันต่อรัวๆ จะได้อีทคลีนกันได้อย่างต่อเนื่อง กับที่พักและเมนูวีแกนสุดเฮลตี้จากหลากหลายมุมทั่วโลกพร้อมเสริฟให้คุณแล้วถึงที่!
เชียงใหม่ ประเทศไทย
ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่และความเป็นธรรมชาติแบบสุดๆ ที่จังหวัดชียงใหม่ ประเทศไทยเรานี้เอง นับว่าเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมทานผักกันเป็นส่วนใหญ่ และใช้เนื้อในการประกอบอาหารในสัดส่วนที่น้อย ดังนั้นในเชียงใหม่คุณสามารถหาร้านอาหารอร่อยๆ ผักสดๆ สไตล์วีแกนได้ไม่ยาก และสำหรับที่พักแนะนำก็ต้องที่นี้เลย Green Tiger Vegetarian House ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ที่พักวีแกนและมังสวิรัติ โดยมีร้านอาหารในตัวชื่อ ‘Reform Kafé’ ที่พร้อมเสริฟเมนูอาหารและเครื่องดื่มวีแกนตลอดวัน! นอกจากนี้ที่พักยังอยู่ในตัวเมืองเก่า บรรยากาศเงียบสงบสบายและหากมีเวลาสามารถไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงเช่น วันโลกโมฬี และตลาดช้างเผือกอีกด้วย
จังกู อินโดนีเซีย
ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของบาหลี จังกูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่ชื่นชอบอาหารวีแกน โดยในพื้นที่เต็มไปด้วยร้านอาหารสุดเฮลตี้ กินผักกันแบบเน้นๆ ทั้งนี้นอกจากจะอีทคลีนได้ด้วยแล้ว จังกูยังเป็นสวรรค์ของนักเล่นเซริ์ฟทั่วโลกอีกด้วย โดยที่พักแนะนำจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก The Bed by the Sea ที่ห่างจากชายหาดเพียง 6 นาที และยังใกล้กับถนนจังกูให้คุณเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศสนุกสนานและร้านอาหารริมทางแบบวีแกน ในที่พักยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว ให้คุณยังสามารถผ่อนคลายพร้อมเสริฟอาหารเช้าและของว่างสไตล์วีแกนสุดฟิน!
ลาลากูนา นิการากัว
นิการากัวนับว่าเป็นสถานที่เด็ดอีกที่ของนักกินเลยทีเดียว โดยอุดมไปด้วยอาหารแบบพื้นเมืองที่ส่วนประกอบต่างๆ นิยมปลูกกันเอง ซึ่งเหมาะมากๆ สำหรับใครที่กำลังหาอาหารแปลกๆ ที่น่าสนใจ เช่น Gallo Pinto ที่ทำจากข้าวและถั่ว และ Buñuelos แป้งทอดและน้ำเชื่อมสูตรพิเศษ ลาลากูนายังเป็นเขตสงวนธรรมชาติในนิการากัว โดยไม่สามารถให้เรือมอร์เตอร์ล่องผ่านทะเลสาบซึ่งทำให้วิวลาลากูนาสวยเป็นธรรมชาติมากๆ เหมาะกับคนที่อยากเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจ ผ่อนคลาย และกินอาหารวีแกนแบบพื้นเมือง โดยที่พักแนะนำ Apoyo Lodge ตั้งอยู่ทางขวาของทะเลสาบ และมีกิจกรรมเฮลตี้ๆ ให้ทำหลากหลายเช่น โยคะ และกิจกรรมเวลเนสต่างๆ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารที่เสริฟเมนูอาหารที่ทำจากพืชทั้งหมด และกลูเต็นฟรีด้วยนะ
โรม อิตาลี
เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม ศิลปะ และแน่นอนร้านอาหารวีแกนสไตล์ยุโรปก็ต้องที่นี้เลย กรุงโรม ประเทศอิตาลี นอกจากนี้ยังมีตลาดของสดเช่น Campagna Amica del Circo Massimo ที่อยู่แถว Colosseum ซึ่งนักชิมทั้งหลายสามารถลองอาหารแบบพื้นเมืองกันได้อย่างหลากหลาย โดยสามารถเข้าพักที่โรงแรมห้าดาว Hotel Raphael - Relais & Châteaux ที่คุณจะสามารถดื่มด่ำกับวิวกรุงโรมแบบพาโนราม่า และที่สำคัญโรงแรมนี้มีเมนูวีแกนให้เลือกทานอย่างจุใจ ลองกันเลย!
ซิดนีย์ ออสเตรเลีย
ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แหล่งรวมแลนด์มาร์คสำคัญๆ มากมาย และที่เที่ยวแนวชายหาดไม่เหมือนใคร รวมถึงอุทยานแห่งชาติหลายแห่งที่นับเป็นหนึ่งในสุดยอดอุทยานแห่งชาติทั่วโลก และไม่แพ้กันเรื่องอาหาร ซิดนีย์ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีร้านอาหารที่ได้จัดอันดับว่าเป็นสุดยอดร้านอาหารและบาร์สำหรับนักเดินทางหลายๆ คน โดยอาหารวีแกนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักกินที่ผู้คนนิยมกันอย่างมาก ทั้งนี้ที่พักแนะนำต้องเป็นที่ Ovolo Woolloomooloo ว่ากันว่าเป็นโรงแรมวีแกนแห่งแรกของประเทศออสเตรเลียอีกด้วย เมนูอาหารก็ไม่ต้องสงสัยเพราะเขามีเมนูที่ทำจากพืชทุกชนิด โดยมีร้านอาหาร Alibi ของโรงแรมที่บริหารโดย Matthew Kenney ผู้ขึ้นชื่อทางด้านร้านอาหารแนววีแกนโดยเฉพาะ!! นอกจากนี้คุณยังสามารถว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ และเล่นฟิตเนส รวมถึงใช้บริการของฟรีมินิบาร์
*Booking.com เป็นผู้ลงทุนและจัดทำการสำรวจนี้ด้วยตนเอง โดยสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างจากผู้ใหญ่ที่เดินทางหรือวางแผนเดินทางในช่วง 12 เดือน ที่ผ่านมา จากชาติต่าง ๆ ซึ่ง มีผู้ร่วมทำแบบสำรวจทั้งสิ้น 56,727 คน (โดยกลุ่มที่มีตั้งแต่ 2,000 คนขึ้นไป ได้แก่ อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, บราซิล, แคนาดา, ชิลี, จีน, โคลัมเบีย, เยอรมนนี, สเปน, ฝรั่งเศส, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, อินเดีย, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เม็กซิโก, มาเลเซีย, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, โปรตุเกส, รัสเซีย, สิงคโปร์, ไทย, ไต้หวัน, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และกลุ่มที่มีตั้งแต่ 1,000 คนขึ้นไป ได้แก่ เดนมาร์ก, โครเอเชีย, สวีเดน, และนิวซีแลนด์ ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมได้ทำแบบสำรวจออนไลน์ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2017
เกี่ยวกับ Booking.com:
Booking.com B.V. ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1996 ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยเริ่มต้นจากการเป็นบริษัทสตาร์ทอัพขนาดเล็ก ก่อนเติบโตเป็นหนึ่งในบริษัทอีคอมเมิร์ซด้านการเดินทางที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบัน Booking.com เป็นส่วนหนึ่งของ Booking Holdings Inc. (NASDAQ: BKNG) และมีพนักงานมากกว่า 17,000 คนประจำอยู่ที่สำนักงาน 198 แห่งใน 70 ประเทศทั่วโลกด้วยพันธกิจของเราคือ ต้องการเป็นส่วนหนึ่งให้ทุกคนได้ออกไปสัมผัสโลกกว้าง Booking.com จึงลงทุนพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิตอลเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการเดินทาง ที่ Booking.com เราเชื่อมโยงผู้เดินทางกับตัวเลือกที่พักน่าทึ่งมากมายหลากหลายประเภททั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ตเมนต์ บ้านพักตากอากาศ เบดแอนด์เบรกฟาสต์ซึ่งบริหารโดยครอบครัว ไปจนถึงรีสอร์ท 5 ดาวสุดหรู บ้านต้นไม้ หรือแม้แต่กระท่อมน้ำแข็ง เว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นสำหรับอุปกรณ์พกพาของ Booking.com พร้อมให้บริการใน 43 ภาษา มีตัวเลือกสำหรับเข้าพักมากกว่า 28.9 ล้านรายการ โดยในจำนวนนี้รวมบ้านพัก อพาร์ตเมนต์ และที่พักน่าทึ่งประเภทอื่น ๆ 5.6 ล้านรายการ ซึ่งครอบคลุมมากกว่า 141,000 จุดหมายใน 230 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ในแต่ละวันแพลตฟอร์มของเรามียอดจองเพื่อเข้าพักรวมกันมากกว่า 1.5 ล้านคืน และไม่ว่าจะเดินทางติดต่อธุรกิจหรือไปพักผ่อน ลูกค้าสามารถใช้ Booking.com จองที่พักตรงใจทันทีได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการจอง และมีนโยบายรับประกันว่าราคาของเราจะไม่แพงกว่าเว็บไซต์อื่น นอกจากนี้ยังมีทีมงานที่พร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าในกว่า 40 ภาษาทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงติดตามเราบน Twitter และ Instagram หรือกดถูกใจเราได้ที่ Facebook หากต้องการดูข่าวสาร ข้อมูล และข้อมูลเชิงลึกล่าสุด โปรดไปที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลกทั่วโลกของเรา
Comments